เมื่อคนเริ่มจะสูงอายุก็จะเริ่มเกิดการเสื่อมขึ้นตามอวัยวะต่างๆ เช่น ข้อเสื่อม หากเกิดที่สมองก็เกิดสมองเสื่อม เกิดที่หูก็หูตึง เกิดที่ระบบสืบพันธ์ก็เกิดกามตายด้าน หากเกิดที่ตา โดยเฉพาะเลนส์แก้วตา เรียกว่า “ต้อกระจก”
แก้วตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสอยู่หลังม่านตา ทำหน้าที่ร่วมกับกระจกตาในการหักเหแสงให้ตกโฟกัสที่จอประสาทตา จึงทำให้เกิดการมองเห็น
ต้อกระจก (Cataract) เกิดจากเลนส์แก้วตามีความขุ่นมัว เมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งพบได้ทั่วไปในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
ต้อกระจก ทำให้การมองเห็นแย่ลง ผู้ที่มีอาการของต้อกระจกมักจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ บางครั้งมองเห็นได้ชัดเจนกว่าในที่มีแสงน้อย เนื่องจากอาการของต้อกระจกส่วนใหญ่เลนส์แก้วตาจะเริ่มขุ่นมัวจากบริเวณส่วนกลางในที่มีแสงน้อยเมื่อม่านตาขยายแสงสามารถผ่านเข้ามาทางส่วนอื่นของเลนส์แก้วตาได้ ต้อกระจกสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไฟดูด หรือการติดเชื้อเรื้อรังที่ดวงตาและการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ สามารถทำให้เกิด “ต้อกระจก” ได้ด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด คือ อายุ พบว่าผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี จะมีต้อกระจกอยู่แล้วบางส่วน มักพบแก้วตาขุ่นเล็กน้อย หรือเป็นต้อกระจกอยู่แล้วบางส่วน มักพบแก้วตาขุ่นเล็กน้อย หรือเป็นต้อกระจกอยู่แล้วบางส่วน มักพบแก้วตาขุ่นเล็กน้อย หรือเป็นต้อกระจกระยะต้นๆ อาจพบจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่จากวัยสูงอายุ เช่น
หลังจากเอาเลนส์ออกแล้ว แพทยจะใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าแทนอันเดิม หลังผ่าตัดอาจจะมีอาการระคายเคืองตา ต้องใส่เครื่องป้องกันการขยี้ตาในช่วงกลางคืนและใส่แว่นช่วงกลางวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ หลังผ่าตัด 1 วัน จะทำให้เห็นชัดขึ้น แต่จะชดที่สุดคือ หลังผ่า 4 สัปดาห์